เด็ก

ลูกน้อยมีอาการท้องผูก ทานยาอะไรไม่ส่งผลกระทบ

ลูกน้อยมีอาการท้องผูก ทานยาอะไรไม่ส่งผลกระทบ

Q : ถ้าเป็นโรคท้องผูกสามารถทานยาระบายแบบเป็นเม็ดๆ ที่มีขายตามร้านขายยาได้หรือไม่ และการรับประทานยาแก้ท้องผูกเป็นประจำจะส่งผลกร ะทบต่อร่างกายของเราอย่างไร

A : ยาระบายที่ใช้รักษาอาการท้องผูกที่ใช้ในปัจจุบันแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ

1. ยาเพิ่มมวลอุจจาระ (Bulk-producing agents) เป็นการเพิ่มเส้นใย ทำให้อุจจาระอุ้มน้ำและมีมวลเพิ่มมากขึ้น เร่งให้อุจจาระผ่านลำไส้ใหญ่ได้ง่าย ยากลุ่มนี้ค่อนข้างปลอดภัย ทำให้ถ่ายเหมือนธรรมชาติ แต่ควรดื่มน้ำมากๆ เพื่อลดอาการท้องอืด และป้องกันการเกิดลำไส้อุดตัน ยาในกลุ่มนี้ได้แก่ ใยอาหารจากเปลือกเมล็ดเทียนเกล็ดหอย (Psyllium seed husk), เส้นใยอาหารจากธรรมชาติ เป็นต้น

2. ยาเพิ่มปริมาณน้ำในอุจจาระ (Hydrating agents-osmotics) ยากลุ่มนี้จะออกฤทธิ์เพิ่มปริมาณน้ำในลำไส้ เป็นผลให้อุจจาระอ่อนตัว และขับออกได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ควรดื่มน้ำมากๆ เพื่อให้ยาออกฤทธิ์ได้ดี และลดอาการปวดท้อง ท้องอืด ยาในกลุ่มนี้ได้แก่ Milk of magnesia, lactulose, sorbitol, polyethylene glycol, glycerin เป็นต้น

3. ยากระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ (Stimulants or irritants) ยาจะกระตุ้นให้ลำไส้เล็กให้บีบตัวโดยตรงและเร่งการขับออกของอุจจาระ น้ำและเกลือแร่จะถูกขับออกมามาก ทำให้อ่อนเพลียได้ง่าย ยาในกลุ่มนี้ได้แก่ สารสกัดใบมะขามแขก, bisacodyl เป็นต้น

เด็ก

ทั้งนี้ การเลือกใช้ยาระบาย ควรพิจารณาถึงสาเหตุของอาการท้องผูกรวมถึงข้อห้ามในการใช้ยาระบายแต่ละประเภท เพื่อให้การใช้ยาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยส่วนยาระบายแบบเม็ดๆ ที่มีขายตามร้านขายยาส่วนมากจะเป็น สารสกัดใบมะขามแขก และ bisacodyl ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นลำไส้ หากมีอาการท้องผูกและต้องการให้ถ่ายออกภายใน 1 วัน ยาดังกล่าวถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่ดี แต่ควรแก้ไขที่สาเหตุของการเกิดอาการท้องผูกร่วมด้วย เนื่องจากการปล่อยให้ร่างกายมีอาการท้องผูกบ่อยๆ อาจเป็นอันตรายต่อลำไส้ใหญ่ และเสี่ยงต่อการเกิดโรคริดสีดวงทวารได้

นอกจากนี้ การใช้ยาที่กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้เป็นประจำ จะทำให้ลำไส้ทำงานไม่ปกติ ทำให้ต้องใช้ยากระตุ้นลำไส้ตลอดเวลา และใช้ยาในปริมาณมากขึ้น จึงควรใช้ยาเท่าที่จำเป็น ร่วมกับการเลือกกินอาหารที่มีกากใยและปรับพฤติกรรมให้เหมาะสม จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับอาการท้องผูกค่ะ

Q : สมุนไพรชนิดใดที่ช่วยลดอาการท้องผูก และสามารถเลือกรับประทานแทนการใช้ยาแผนปัจจุบัน โดยรับประทานแล้วไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย

A : สมุนไพรที่ใช้ในการบรรเทาอาการท้องผูกมีหลายชนิด มีกลไกการออกฤทธิ์แตกต่างกัน โดยการเลือกใช้ให้เหมาะสมขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการท้องผูกว่าเกิดจากอะไรเช่นเดียวกับการเลือกใช้ยาแผนปัจจุบัน

• ชนิดเพิ่มมวลอุจจาระ เหมาะสำหรับผู้ที่รับประทานอาหารที่มีกากน้อย โดยกินผักผลไม้เพื่อเพิ่มกากใยในมื้ออาหาร เช่น มะละกอ กล้วยน้ำว้าหรือ ใช้เม็ดแมงลัก ½ – 1 ช้อนชา แช่น้ำให้พอง แล้วรับประทานครั้งเดียวก่อนนอน เป็นต้น

• ชนิดเพิ่มปริมาณน้ำในอุจจาระ เหมาะสำหรับผู้ที่อุจจาระแข็งถ่ายลำบาก แนะนำให้ดื่มน้ำมากขึ้นในแต่ละวัน กินมะขามเปียกจิ้มเกลือสัก 10-20 ฝัก (70-80 กรัม) หรือทำเป็นน้ำมะขามดื่มก็ได้ จะช่วยเพิ่มปริมาณน้ำในทางเดินอาหาร ทำให้อุจจาระอ่อนตัวและถ่ายได้ง่ายขึ้น

• ชนิดกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ หากอาการท้องผูกเกิดจากการกลั้นอุจจาระเป็นประจำ ลำไส้ใหญ่ไม่ค่อยบีบตัว ควรเลือกใช้สมุนไพรที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ เช่น ชุมเห็ดเทศ มะขามแขก เป็นต้น ซึ่งสมุนไพรกลุ่มนี้นิยมใช้กันมาก แต่ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นประจำ อาจทำให้ลำไส้ทำงานไม่ปกติได้

ดังนั้น เมื่อเกิดอาการท้องผูก และจำเป็นต้องใช้ยาระบายหรือสมุนไพร ควรใช้แต่พอดี หากอาการท้องผูกดีขึ้นแล้วก็ให้หยุดใช้ ควรหันมาใช้วิธีธรรมชาติ คือ กินผักผลไม้ ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว ออกกำลังกายเป็นประจำ ไม่เครียด พักผ่อนให้เพียงพอ และควรฝึกนิสัยการขับถ่าย เพื่อให้ลำไส้เคยชินกับการขับถ่ายเป็นเวลา เพียงเท่านี้ก็ช่วยป้องกันอาการท้องผูกได้แล้วค่ะ